วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รีวิวสินค้า


สเปรย์หอมดับกลิ่น
         "กลิ่นไม่พึงประสงค์" เชื่อว่าเป็นปัญหาที่ผู้เลี้ยงน้องหมาส่วนใหญ่กำลังพบเจอกันอยู่  เพราะไม่ว่าเราจะทำความสะอาดน้องหมา  และทำความสะอาดบริเวณบ้านดีแค่ไหน  แต่ในเวลาไม่นานก็จะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆเกิดขึ้นอีก  ซึ่งสาเหตุก็อาจจะมาจาก กลิ่นตัวของน้องหมา,กลิ่นปัสสาวะ อุจาระ หรือ กลิ่นคราบน้ำลายของน้องหมา  รวมไปถึงกลิ่นอับชื้นตามสถานที่ต่างๆ ที่น้องหมาชอบนอน
         และนี่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กลับคนรักและคนเลี้ยงน้องหมาที่กำลังเจอกับปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้าน  เราก็มีตัวช่วยดีๆ ในการจัดการกับปัญหานี้มาฝากกันค่ะ  นี่เลย "BEARING Bad Smell Bay Bay Spray สเปรย์หอมดับกลิ่นแบดสเมล บ้ายบาย จากแบร์ริ่ง"
         สเปรย์หอมดับกลิ่น BEARING Bad Smell Bay Bay Spray  เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการคิดค้นและวิจัย  เพื่อสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ  สารถกำจัดกลิ่นได้จากต้นตอ  ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้และสัตว์เลี้ยง BEARING Bad Smell Bay Bay Spray มีประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นเหม็นต่างๆ ที่ต้นตอ ที่เกิดจากสัตว์เลี้ยงทุกชนิดได้เป็นอย่างดี เพราะมีสาร ODOR-X ที่มีคุณสมบัติในการย่อยสลายกลิ่นเหม็น,กลิ่นอับชื้นให้หมดไปและยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลดการกลับมาทำสกปรกซ้ำที่จุดเดิมอีกด้วย
        วิธีใช้
มี 3 วิธีด้วยกัน
1. ใช้กำจัดกลิ่นที่ตัวสัตว์เลี้ยง  สามารถฉีดสเปรย์โดยตรงที่ตัวสัตว์เลี้ยงได้เลยไม่มีอันตราย ให้ใช้วิธีพ่นฉีดเพียงเล็กน้อยให้ทั่วตัว  แล้วแปรงขนซ้ำ แค่นี้ก็เรียบร้อย
2. ใช้กำจัดกลิ่นที่เกิดจากการขับถ่ายของน้องหมา  ให้ทำความสะอาดปัสสาวะ อุจจาระ ของน้องหมาให้เรียบร้อย จากนั้นให้ฉีดสเปรย์ที่บริเวณนั้นทิ้งไว้สักครู่  และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยสลายกลิ่น ให้ใช้ผ้าหมาดๆเช็ดออกอีกครั้ง
3. ใช้กำจัดกลิ่นในพื้นที่ว่าง  เช่น กรงเลี้ยง,คอก หรือบริเวณที่น้องหมามักอยู่เป็นประจำ  ให้ทำความสะอาดพื้นที่บริเวณนั้นให้เรียบร้อย  และให้ผสมสเปรย์กับน้ำในอัตราส่วน น้ำยา 1 ส่วน ต่อน้ำ 3 ส่วน ใช้ผ้าสะอาดชุบแล้วเช็ดพอหมาดๆ เช็ดถูให้ทั่วบริเวณ ในบริเวณที่เข้าไม่ถึงสามารถฉีดพ่นน้ำยาโดยตรง
       สเปรย์หอมดับกลิ่น BEARING Bad Smell Bay Bay Spray เป็นสเปรย์ดับกลิ่นอเนกประสงค์ที่สามารถดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นได้กับทั้งสิ่งแวดล้อมบริเวณที่น้องหมาอาศัยอยู่และที่ตัวน้องหมาโดยตรง  โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพน้องหมาและผู้เลี้ยง  นอกจากนี้กลิ่นหอมอ่อนๆของสเปรย์ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี  และลดการเกิดกลิ่นซ้ำได้อีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ข้อดี-ข้อเสียของตัวเอง


ข้อดี
- เป็นคนไม่ค่อยคิดมากเรื่องการทำงานแต่จริงจังกับชีวิต
- เป็นคนสบายๆอารมณ์ดี
- ไม่ชอบขัดใจใคร
- มองโลกในแง่ดี
- รักตัวเอง รักเพื่อน รักครอบครัว เคารพครูอาจารย์
- มีความคิดดีพอสมควร
- มีความทะเยอทะยาน
- ไม่ชอบพูดให้คนอื่น
- เป็นคนพูดไม่เยอะหากไมสนิทด้วย
- ไม่ชอบการทะเลาะวิวาท
- ชอบดูละคร อ่านหนังสือหรือบทความที่สนใจ
- มีความไฝ่ฝันและวางแผนอนาคตว่าต้องการอะไร

ข้อเสีย
- ชอบคิดอะไรไม่ถี่ถ้วน ขี้ลืม
- รู้สึกขาดความมั่นใจในบางครั้ง
- ทำอะไรไม่ค่อยว่องไว
- ไม่ตรงต่อเวลา
- ชอบหลับในห้องเรียน
- ยังไม่รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
- เป็นคนคิดการณ์ไกล แต่มักไม่ลงมือทำ (มีแต่เดี๋ยวก่อน, ไว้พรุ่งนี้)
- ไม่มีความหนักแน่นและอดทนพอ


วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ท้องทุ่งนาสีทอง

เรื่อง ท้องทุ่งนาสีทอง
มองทุ่งนาฟ้าพราวข้าวไสว                               โลกสดใสไหวหวามตามขุนเขา
                                  เย็นสายลมชมชื่นยืนใจเบา                           ความหมองเศร้าเก่าหลังพังหายไป

วันหยุดคือวันที่ผ่อนคลายจากการทำงาน  ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษาหรือวัยทำงาน ส่วนมากก็มักจะใช้วันหยุดเป็นวันพักผ่อน เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงาน  หยุดเสาร์อาทิตย์นี้ฉันได้มีโอกาสกลับไปหาแม่หายายและน้อง  และใช้ช่วงเวลาวันหยุดนี้นักรถมอเตอรไซด์พร้อมกับถือกล้องถ่ายรูปไปเยี่ยมเยือนทุ่งนาสีทองกับครอบครัวสักหน่อย
ในขณะนั่งรถไปนานั้นมองไปสองข้างทางทั้งและขวา  เห็นผู้คนถอนหญ้า ใส่ปุ๋ยนาข้าว  จูงวัวควายไปเลี้ยงตามข้างทาง บ้างก็มีคนตกปลาหว่านแหตามหนองน้ำข้างทาง  เพื่อหาปูหาปลามาใช้ในการประกอบอาหารโดยไม่ต้องซื้อหาให้สิ้นเปลือง
เมื่อถึงทุ่งนาฉันก็ลงจากรถเดินตรงดิ่งเข้าไปในทุ่งกว้าง  มองเห็นท้องฟ้าสีครามเห็นเมฆน้อยใหญ่ที่มองแล้วเกิดเป็นรูปต่างๆตามจินตนาการ  สัมผัสได้ถึงสายลมพลิ้วไสวลู่ไปมา  ได้กลิ่นหอมหวนของพื้นดิน มองไปสุดสายตาเห็นต้นไม้หนาบางที่คอยให้ร่มเงาบรรเทาความเหนื่อยล้าของชาวนา  และที่เห็นเด่นชัดที่สุดก็คือทุ่งข้าวสีทอง ที่มีใบสีเขียวมองไปไกลๆแล้วเหลืองอร่ามราวกับแผ่นทองคำ นี่หรือที่เขาเรียกทุ่งทองของชาวนา
ทุ่งนาแห่งนี้ ก่อนเคยเป็นที่ทำกินของตายาย เป็นที่นาแห่งแรกที่ตากับยายร่วมกันซื้อไว้ทำกินหลังจากแต่งงาน  แต่ก่อนต้นไม้จะเยอะกว่านี้ การทำนาปลูกข้าวแต่ก่อนไม่ได้ง่ายเหมือปัจจุบัน ต้องใช้ควายในการไถนาและมีคราดสำหรับใช้ทำนา  แรกๆตอนยังไม่ซื้อควายตาก็ยืมควายจากตาทวดยายทวดก่อน หลังจากก่อร่างสร้างตัวได้ตาก็ซื้อควายมาเลี้ยงและเอาไว้ใช้งานเอง ที่นาแห่งนี้นั้นมีความหมาย เป็นทั้งบ้าน ทั้งที่ทำกิน เป็นได้ทุกอย่างทั้งหลบแดดหลบฝน  ตาเป็นคนรักครอบครัวมาก  งานสบายจะให้ยายทำ ส่วนตนนั้นจะเลือกทำแต่งานหนักๆ เช่น แบก ยก หาม ไถ ตายายทำอาชีพนี้มาตั้งแต่หนุ่มยันแก่ ทุกวันนี้ทำไม่ได้ อาชีพนี้จึงถ่ายทอดมายังรุ่นพ่อแม่ ครอบครัวเราจะทิ้งอาชีพนี้ไม่ได้ เพราะเป็นอาชีพหลักในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เป็นมรดกตกทอดที่มีมาแต่โบราณ  ธรรมชาติจะขาดความอุดมสมบูรณ์ ถ้าไม่มีต้นไม้ห้วยหนองคลองบึงและสัตว์ป่าน้อยใหญ่  ทุ่งนาก็เช่นกัน นาจะไม่เป็นนาถ้าไม่มีข้าว ไม่มีชาวนาที่คอยปลูกข้าวปลูกชีวิตของคนทุกคนให้อยู่รอด
                ข้าว จึงจัดเป็นอาหารหลักที่มีความสำคัญต่อประชากรโลก มีผู้คนว่าครึ่งโลกที่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก ประเทศไทยเรานั้น มีการบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก นานมาแล้วจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีการบริโภคข้าว เป็นอาหารหลักอยู่ และที่สำคัญนั้นเป็นแหล่งของอาหารที่ให้พลังงานแก่ชีวิตในแต่ละวันของคนไทยเรา  เป็นอาหารหลักของคนทุกชาติทุกภาษา เพียงแต่ข้าวที่กินนั้นจะต่างชนิดกันออกไปอาจเป็นชนิดที่แปรรูป มาจากข้าวชนิดต่างๆ เช่น ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวบาร์เลย์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น ธัญญพืชพวกข้าว ในประเทศไทยเราจัดข้าวอยู่ในอาหารหลักหมู่ที่ 2 ให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ยังมีพวกวิตามินและแร่ธาตุ เป็นแหล่งที่ให้กำลังงานและความอบอุ่นจะเห็นได้ว่า คนไทย เรา ส่วนใหญ่ยังคงบริโภคข้าวทุกวัน บ้างก็กินข้าวเจ้า บ้างก็กินข้าวเหนียว ในภาคเหนือและ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะนิยมกินข้าวเหนียวมากกว่าข้าวเจ้า ซึ่งก็แล้วแต่ความคุ้นเคย และวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา
จะเห็นได้ว่าข้าวทุกเม็ดกว่าจะมาเป็นข้าวได้นั้นต้องผ่านหลายกระบวนการ ผ่านหลายหยดเหงื่อชาวนาที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ  แต่มีบุคคลบางกลุ่มที่ไม่เห็นคุณค่าของข้าว กินทิ้งกินขว้าง บุคคลบางกลุ่มที่มองว่าอาชีพการทำนาเป็นอาชีพที่ต่ำต้อย ไร้ยศ ไร้ตำแหน่ง และถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่มีอำนาจหรือพ่อค้าแม่ค้าที่หัวสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แต่ทุกคนต้องอย่าลืมว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเสาหลักของประเทศ เสาที่ต้องแบกรับความหนักอยู่ในชั้นล่างๆ ถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านี้ ไม่มีควาย ไม่มีท้องทุ่งนา ไม่มีชาวนา แล้วไทยเราจะเอาข้าวที่ไหนกิน

จึงอยากให้ทุกคนรู้ถึงคุณค่าของข้าว  รู้ถึงคุณค่าของชาวนาว่ากว่าจะผลิตข้าวออกมาได้ เหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็นต้องทนตากแดดตากลมฝนเสียเหงื่อปานเทน้ำ ฉะนั้นทุกคนควรรักษาธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม รู้จักประหยัดอดออม  รู้คุณค่าของสิ่งต่างๆ  ยึดหลักความพอเพียงไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น  และรู้จักมีน้ำใจในหมู่มนุษย์ 

เขียนข่าว


เรื่อง  ถนนยุบสิบล้อขับไม่ยั้ง
              
                เมื่อวันเสาร์  ที่  12  กันยายน  ที่ผ่านมาเวลา  07.30  หลังจากที่ชาวบ้านโคกสูง  อ.ปลาปาก  จนครพนม  เสร็จจากใส่บาตรที่วัด  ขณะเดินทางกลับจังพบว่าถนนสายหลักของหมู่บ้านเกิดการยุบที่เกิดจากการรอยล้อรถขนาดใหญ่ชาวบ้านเกิดการแปลกใจ  และพบว่าเหตุเกิดจากรถบรรทุกหนักเกิน  10  ตัน  ขับผ่านถนนไป  3-4  คัน  ติดต่อกัน(  นายน้อย)  ชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าในขณะที่ชาวบ้านเข้าวัดใส่บาตรในตอนเช้าก็มีรถบรรทุกวิ่งมาจากไหนไม่รู้ขับผ่านถนน  3-4  คัน  ติดต่อการเพียงแค่พริบตาเดียวถนนภายในหมู่บ้านพังแบบยับเยิน  ทำให้เป็นที่เดือดร้อนของชาวบ้านในการขับขี่รถช่วงเวลากลางคืนอาจทำให้มองไม่เห็นถนนและเกิดอุบัติเหตุได้
                นายสนั่น  ศรีเสนาะ  (  ผู้ใหญ่บ้าน  )  กล่าวว่าถนนภายในหมู่บ้านถูกสร้างมา  5-6  ปี  ได้ก็ย่อมเกิดการชำรุดบ้างเนื่องจากเราไม่สามารถห้ามไม่ให้รถใหญ่ที่น้ำหนักเกินวิ่งผ่านได้แล้วอีกอย่างถนนก็ถูกสร้างมาพอแต่แล้วเสร็จมาตรฐานยังไม่ดีพอวอนรัฐบาลเร่งแก้ไขเรื่องการใช้รถแก้ไขปัญหาถนนพังชำรุดให้แล้วเสร็จถนนควรขึ้นกว่านี้


โครงการมหกรรมภาษาศิลปะอาเซี่ยน+3


เรื่องโครงการมหกรรมภาษาศิปะวัฒนธรรมอาเซี่ยน+3
                ผู้คนมากหน้าหลายตา  ที่มีการแต่งกายที่หลากหลายเดินผ่านหน้ากันไปมาหอประชุมมหาวชิราลงกรณถูกอัดแน่นไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาจากหลายโรงเรียนมีเด็กนักเรียนน้อยใหญ่มีคุณครูคอยติดตาม  รวมไปถึงนิสิตนักศึกษา  มองไปด้านซ้ายเห็นปราสาทนครวัดของประเทศกัมพูชา  รู้สึกเสมือนว่านครวัดได้ถูกหยิบยกมาจากกัมพูชาอย่างไรอย่างนั้น  มองไปด้านขวาก็เห็นภาพบรรยากาศที่เต็มไปด้วยซากุระแห่งกรุงโตเกียว  เสมือนได้เที่ยวญี่ปุ่นไปในตัว
                จากที่เห็นภาพภายในหอประชุม  สิ่งที่เราได้เห็นได้สัมผัสนั้นมิใช่การเนรมิตแต่อย่างใด  แต่เป็นการจัดงานมหกรรมภาษาศิลปะวัฒนธรรมอาเซี่ยน+ครั้งที่  2  จัดขึ้นที่หอประชุมมหาวชิราลงกรณ์  งานมีให้ชมถึง  วัน  ระหว่างวันที่  24-26  สิงหาคม  2558  ที่ทางศูนย์ศิลปวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนครได้จัดขึ้น  โดยได้รับความร่วมมือจากหลายโรงเรียนในจังหวัดสกลนคร  ที่ได้ให้ความร่วมมือและส่งนักเรียนเข้าร่วมประกวด  แสดงความสามารถอย่างเต็มที่  ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ดูได้ศึกษาหาความรู้  ได้ศึกษาความเป็นมาศิลปะวัฒนธรรมของแต่ละประเทศในอาเซี่ยนว่ามีการแสดงที่เหมือนหรือคล้ายกันอย่างไร
                เริ่มแรกก่อนการแสดงก็จะเป็นพิธีเปิดงานโดยนายบุญส่ง  เตชะมณีสถิต  ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร  กล่าวรายงานโดย  รองศาสตราจารย์  ดร.ชนิน  วะสีนนท์  อธืการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร  ต่อมาก็จะเป็นการแสดงศิลปะและวัฒนธรรมจากตัวแทนทั้ง  10  ประเทศอาเซี่ยน  โดยเริ่มจากการแสดงดนตรีโปรงลางพื้นบ้านจากวง  “  ไทอีสาน    จากนักศึกษาต่างชาติชาวเวียดนามมหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนครต่อมาก็จะเป็นการแสดงวัฒนธรรมบรูไนดารุสซาลามจากโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูลการแสดงของราชอาณาจักรกัมพูชาจากโรงเรียนวาริชภูมิ,การแสดงของสาธารณรัฐอินโดนีเซียจากโรงเรียนสว่างแดนดิน,การแสดงของประเทศญี่ปุ่นจากโรงเรียนร่มเกล้า,การแสดงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวจากโรงเรียนคำตากล้าราชประชานุเคราะห์,การแสดงของสาธารณรัฐฟิลิปินส์จากโรงเรียนธาตุนารายณ์วิทยา,การแสดงของสาธารณรัฐสิงคโปร์จากโรงเรียนสกลนครพัฒนศึกษาการแสดงของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามจากโรงเรียนเต่างอยพัฒนาศึกษาและสุดท้ายเป็นการแสดงของราชอาณาจักรไทยจากการแสดงโรงเรียนมัธยมวานรนิวาสซึ่งแต่ละโรงเรียนล้วนเป็นโรงเรียนที่อยู่ในเขตจังหวัดสกลนครทั้งหมด
                แต่ละชุดการแสดงที่กล่าวมานี้ก็จะมีลักษณะการแสดงที่แตกต่างกันไปมีการแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองของแต่ละประเทศที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกันไปมีความสวยงามคนละแบบ ส่วนการแสดงที่ชอบที่สุดคือการเชิดสิงโตนั้นเป็นเด็กประถมอยู่ชั้นป.5  แต่มากด้วยความสามารถ
                ภายในงานมีนักเรียนนักศึกษาจำนวนมากได้มาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกมีชุดจำลองที่ญี่ปุ่นและเกาหลีเขาจัดเตรียมไว้ให้ผู้เข้าเยี่ยมชมงานหรือผู้สนใจก็แห่ถ่ายภาพกันเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเรา  มีการจัดซุ้มทั้ง  10  ประเทศ  ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองประดับด้วยสินค้าหรือสิ่งของที่ลือเลื่องของประเทศนั้นๆมากมายโดยส่วนตัวแล้วชอบซุ้มกัมพูชามากมีการยกเอานครวัดจำลองมาตั้งไว้ให้ได้ดูได้ชมได้ถ่ายภาพ  ซึ่งดูแล้วเหมือนจริงมากเหมือนได้เข้าไปยืนอยู่ในสถานที่จริงอย่างไงอย่างไงอย่างนั้น  จำได้ว่าถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่  2  ซึ่งเป็นที่สุดแห่งปราสาทขอม  แค่ฟังก็รู้สึงได้ถึงความขลังแล้ว
                งานมหกรรมการแสดงผลงานครั้งนี้ถือเป็นงานที่มีคุณภาพ มีความร่วมมือจากหลายฝ่าย  ทุกที่เข้าร่วมการแสดงต่างมีความสามารถ  มีพรสวรรค์ควบคู่ไปพร้อมกับพรแสวง  ได้รับการฝึกฝนที่ดี  โครงการนี้นอกจากจะได้  Ac  แล้วยังช่วยส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี


ข่าวสัปดาห์วันวิทยาศาสตร์


นักเรียนนักนักศึกษาแห่ร่วมงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์
                

         เมื่อเวลา  09.00  ของวันนี้  (17 ..)  คร.มาลี  ศรีพงษ์  คณะบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นประธานเปิดงานงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ  ภายใต้หัวข้อ  “  จุดประกายความคิดพัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์  เสริมสร้างชาติด้วยเทคโนโลยีสู่วิถีแห่งนวัตกรรม    ระหว่างวันที่  17-19  สิงหาคม  2558  โดยทางคณะวิทยาศาสตร์  มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร  ได้รับการมอบหมายจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ศูนย์กลางการจัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเป็นประจำทุกปี  โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานอื่นๆเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เด็กเยาวชน  ได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์  ที่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน  พร้อมทั้งเป็นการนำเสนอผลงานของนิสิต  นักศึกษาด้านวิทยาศาสตร์อีกด้วย
            ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายเช่นกิจกรรมทางวิชาการที่ได้รับการร่วมมือจากบุคลากรและนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์รวมถึงการเข้าร่วมจัดนิทรรศการจากสาขาต่างๆภายในมหาวิทยาลัยและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน  สำหรับในปีนี้  คณะวิทยาศาสตร์ยังได้ถือโอกาสอันดีนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมชมงานได้สัมผัสกับนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์จำนวนมาก  ที่ได้คิดและประดิษฐ์โดยบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์รวมถึงเทคโนโลยีการจัดการเรียนการสอนและห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยเน้นให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองปฏิบัติจริงและทำกิจกรรมต่างๆโดยในวันนี้มีน้องเรียนจากโรงเรียนต่างๆมาร่วมศึกษาและชมงานวิทยาศาสตร์กันจำนวนมาก



ปริญญาที่ดีที่สุดคืออะไร


ปริญญาที่ดีที่สุดคืออะไร

การศึกษาคือพื้นฐานในการดำเนินชีวิต  ปริญญาคือใบเบิกทางสู่อาชีพ  ที่ใฝ่ฝัน  หลายคนอาจเข้าใจว่า  ความรู้และใบเบิกทางสู่ความสำเร็จ  ต้องจบมาจากสถานศึกษาเท่านั้น  แท้จริงแล้วมันไม่ใช่  โลกทั้งใบต่างหากที่เป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดและไม่จำกัดโอกาสในการเรียนรู้  ทุกสิ่งรอบตัวเราสอนให้เรารู้จักชีวิตหนังสือ  คนรอบตัว  ความผิดพลาด  ธรรมชาติ  การเดินทาง  สิ่งเหล่านี้คือครูหากเราเปิดใจที่เรียนรู้  เราก็รู้จะรู้อย่างไร้ขอบเขต  ใบเบิกทางที่ดีที่สุดคือตัวเราหาใช่ใบปริญญาแต่อย่างเดียว  เพียงแค่เราให้คุณค่าตัวเราให้เหนือกว่ากระดาษ  คนอื่นก็จะมองข้ามกระดาษและมองเห็นคุณค่าที่ตัวเรา  เราไม่ได้เรียนเพื่อให้อยู่ในกรอบแต่เราเรียนเพื่อให้หลุดกรอบ  ใบปริญญาจะไม่มีความหมายถ้าตัวเราไม่ได้อะไรและใบปริญญาจะมีค่าและความหมายถ้าเราเก่งมีความเข้าใจในทุกด้าน  สองสิ่งนี้บวกกันเข้าไปใบปริญญาที่ได้จะสมบรูณ์แบบและมีคำที่สุด


จุดประสงค์  อยากให้ทุกคนเข้าใจในคำว่า    “  ปริญญาที่ดีที่สุด    คือการที่เรารู้และเข้าใจชีวิตไม่ใช่เพียงแค่ในหนังสือและกรอบเล็กๆ